บ่อยครั้งที่ผมจะได้ยินว่าเราอยากจะพัฒนาอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์ของประเทศไทยให้เข้าสู่เวทีโลกเหมือนอย่างความสำเร็จของอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์ในประเทศอย่างจีนหรืออืนเดีย แม้แต่ผมเองก็เคยคิดอย่างนั้นว่าอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์เป็นเรื่องของสติปัญญาและนวัตกรรมคนไทยน่าจะแข่งได้ และเคยผลักดันหลายๆโครงการที่อยากจะเห็นซอฟต์แวร์ไทยอยู่บนเวทีโลก เราลองมาดูข้อมูลกันหน่อยว่าวันนี้เรามีโอกาสแค่ไหนที่จะผลักดันให้ซอฟต์แวร์ไทยปักหมุดอยู่บนแผนที่ของซอฟต์แวร็โลกได้

Global 100 Software Leaders 2013

ข้อมูลที่น่าสนใจอันหนึ่งคือรายงานของ PwC เรื่อง Global 100 Software Leaders 2013  ที่ออกมาเมื่อเดือนพฤษภาคม 2556 (ดูรายงานฉบับสมบูรณ์ได้ที่ http://tinyurl.com/nhdx5hl  ซึ่งเป็นการจัดอันดับบริษัทซอฟต์แวร์ของโลกที่ทาง PwC ทำต่อเนื่องเป็นปีที่สอง จากข้อมูลเราจะเห็นว่าบริษัทซอฟต์แวร์ที่ใหญ่สุดคือ Microsoft  ซึ่งมีรายได้จากซอฟต์แวร์ในปี 2011 ถึง $57,668.40 ล้าน ตามด้วยบริษัท IBM, Oracle และ SAP ที่น่าสนใจคือบริษัทซอฟต์แวร์ที่ติด Top 100 ส่วนใหญ่จะเป็นบริษัทจากสหรัฐอเมริกาซึ่งมีรายได้จากซอฟต์แวร์ของบริษัทเหล่านี้รวมกันถึง  $190,816 ล้าน ส่วนประเทศอื่นๆที่ทำซอฟต์แวร์ก็จะมีอย่าง เยอรมัน ญี่ปุ่น สวีเดน อังกฤษ และมีบริษัทในประเทศกลุ่มที่เกิดใหม่ทางอุตสาหกรรมนี้ (Emerging Country) ที่ติดอันดับโลกอยู่บ้างบางบริษัทเช่น TOTVS ของบราซิล  Kaspersky Lab ของรัสเซีย และ Neusoft ของจีน ทั้งนี้ข้อมูลนี้ระบุถึงรายได้ที่เกิดจากการจำหน่ายซอฟต์แวร์ไม่ใช่รายได้รวมทั้งหมดจึ่งทำให้บริษัทยักษ์ใหญ่อย่าง Google มีรายได้ในปี 2011เพียง $575.62 ล้าน จากรายได้รวม $37,905.00 ล้าน

Image

รายงานของ  PwC ยังชี้ให้อีกว่าแนวโน้มของอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์จะเปลี่ยนรูปแบบเป็น Cloud Service มากชึ้นโดยคาดการณ์ว่าในปี 2016 ธุรกิจซอฟต์แวร์ที่เป็นแบบ SaaS (Software as a Service) จะขยายตัวเป็นสัดส่วนถึง 25% ของมูลค่าตลาดซอฟต์แวร์ทั้งหมด ทั้งนี้ข้อมูลรายได้บริษัทซอฟต์แวร์ที่ติด 100 อันดับแรกของโลกในปี 2011 ยังมีสัดส่วนเพียง 4.9% โดยบริษัท Salesforce เป็นบริษัทที่มีรายได้จาก SaaS สูงสุดคือ $1,848 ล้าน และมีบริษัทที่มีรายได้ด้าน SaaS สูงสุด 10 อันดับแรกดังนี้

Image

คราวนี้หากเรามามองบริษัทซอฟต์แวร์ไทยก็จะเห็นได้ว่าไม่ติดอันดับ 1-100  ของบริษัทโลก ซึ่งก็ไม่น่าแปลกใจเพราะบริษัทซอฟต์แวร์อย่างในประเทศอินเดียก็ไม่ติดอันดับ เราจึงต้องมาดูอันดับบริษัทซอฟต์แวร์ 100 บริษัทแรกในกลุ่มประเทศ Emerging Market ซึ่งรายงานของ PwC ระบุว่ารายชื่อในประเทศอื่นๆไว้หลายบริษัทที่มีมากสุดก็คือบริษัทจากประเทศจีน ส่วนในอินเดียก็จะเป็นรายชื่อของบริษัทที่ผลิตซอฟต์แวร์อย่าง Geodesic  หรือ  OnMobile ซึ่งจะไม่ใช่บริษัทอย่าง Infosys หรือ TCS ที่เน้นเรื่องของ IT Outsourcing Service สำหรับประเทศในเอเซียอื่นๆที่ติดอันดับก็จะมีบริษัทจากไต้หวัน เกาหลี และมาเลเซีย ทั้งนี้จะเห็นได้ว่าไม่มีบริษัทในประเทศไทยติดอันดับ และหากดูรายได้รวมของบริษัทซอฟต์แวร์ Emerging Market 100 บริษัท เราก็จะพบว่าบริษัทจากประเทศจีนมีรายได้รวมสูงสุด ตามด้วยอิสราเอล รัสเซีย และบราซิล ซึ่งหากพิจารณาข้อมูลเหล่านี้ให้ดีก็คงจะเห็นว่าอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์ไทยในด้านนี้ไม่ติด 25 อันดับแรกของโลก และก็คงยากที่จะแข่งแม้แต่ในกลุ่ม Emerging Market

Image

IT Outsourcing

นอกเหนือจากการทำอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์ที่เป็นการพัฒนาซอฟต์แวร์จำหน่ายแล้ว อีกด้านหนึ่งที่เราพยายามจะแข่งมาตลอดก็คือเรื่องของการพัฒนานักซอฟต์แวร์เพื่อสร้างอุตสาหกรรม  Outsourcing ซึ่งเราเห็นความสำเร็จของบริษัทในอินเดียอย่าง TCS, Infosys หรือ Wipro  ซึ่งรายงานเมื่อปี  2011 ของ AT Kearney เรื่อง “Global Services Location Index 2011” ก็ระบุว่าประเทศไทยมีความสนใจในการเป็นแหล่งในการทำ Outsourcing อันดับที่ 7 ของโลก (ทั้งนี้ประเทศเราหล่นจากที่เคยเป็นอันดับที่ 4 เมื่อปี 2009)   โดยมีตัวชี้วัดจากสามด้านคือ  ความน่าสนใจในการลงทุน  (Financial attractiveness)  ความสามารถและความพร้อมของคน (People skills and availabilty) และ สภาวะแวดล้อมเชิงธุรกิจ (Business Environment) ซึ่งในรายงานระบุว่าประเทศอินเดียมีความน่าสนใจเป็นอันดับ  1 ตามด้วยประเทศจีน และมาเลเซีย โดยมีประเทศอื่นๆใน ASEAN อย่างอินโดนีเซียอยู่อันดับ 5 เวียดนามอันดับ 8 และฟิลิปปินส์อันดับ 9 แต่เมื่อดูข้อมูลจากรายงานก็กลับพบว่า AT Kearney ระบุว่าแม้ว่าประเทศไทยจะมีความน่าสนใจสำหรับการมาทำ  Outsourcing แต่ก็ไม่มีอุตสาหกรรมทางด้านนี้เหมือนอย่างในฟิลิปปินส์หรือเวียดนาม

นอกจากนี้หากมาดูข้อมูลล่าสุดของ Tholons ได้ออกรายงานระบุเมืองที่ติด 100 อันดับในการทำ Outsourcing ทั่วโลกเมื่อปี 2013 (2013 Top 100 Outsourcing Destinations) โดยดูจากปริมาณการจ้างงาน ความน่าสนใจ และแนวโน้ม จะพบว่าแหล่งที่น่าสนใจจะอยู่ทางเอเซียใต้ โดยมีเมืองที่ติดอันดับ 1 ถึง 7 ล้วนแต่เป็นเมืองในประเทศอินเดีย โดยมีเมือง Bangalore เป็นอันดับหนึ่ง ตามด้วย Mumbai  ส่วนกรุงมะนิลาเป็นเมืองเดียวนอกประเทศอินเดียที่ติด 1 ใน  7 คือมีคะแนนมาเป็นอันดับ  3 และหากมาพิจารณาเฉพาะประเทศในกลุ่ม ASEAN  จะเห็นว่าเมืองในประเทศฟิลิปปินส์ติดอันดับหลายเมืองมากเช่น Cebu เป็นอันดับ 8 นอกจากนี้เรายังเห็นว่าเมืองในประเทศเวียดนามก็เป็นแหล่งที่น่าสนใจในการทำ Outsourcing  โดย Ho Chi Minh ติดอันดับ 16 และ Hanoi  ติดอันดับ 23 ขณะที่กรุงเทพมหานครอยู่อันดับที่ 83 แต่เมืองอื่นๆใน ASEAN ก็มีอันดับที่สูงกว่าเราเช่น กรุงกัวลาลัมเปอร์อันดับที่ 19 สิงคโปร์อันดับที่ 31 กรุงจาการ์ต้าอันดับที่ 61 และเมีองต่างๆในเอเซียทั้งในประเทศจีน เกาหลี หรือไต้หวันก็มีอันดับสูงกว่า ซึ่งดูจากข้อมูลนี้ก็คงเห็นว่าเราคงลำบากที่จะแข่งในด้านของ Outsourcing Services

Image

ความพร้อมของบุคลากรด้านซอฟต์แวร์

สิ่งที่สำคัญที่สุดในอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์คือเรื่องของการพัฒนาคน แต่ก็เป็นที่ทราบกันดีว่าเมื่อเร็วๆนี้ทาง World Economic Forum ได้มีผลการศึกษาศักยภาพการศึกษาของประเทศต่่างๆทั่วโลก และมีผลที่ระบุว่าการศึกษาระดับอุดมศึกษาของประเทศไทยอยู่อันดับแปดในประเทศกลุ่มอาเซียน ซึ่งก็เริ่มมีคำถามว่าแล้วในสาขา Computer Science และ Information Technology ประเทศไทยเราพอจะแข่งขันได้หรือไม่ ซึ่งหากพิจารณาการจัดอันดับมหาวิทยาลัยทั้วโลกในสาขา Computer Science ของ QS หรือของหน่วยงานอื่นๆ จะพบว่าไม่มีมหาวิทยาลัยใดในประเทศไทยที่ติดอันดับ  Top 200 ซึ่งแตกต่างกับประเทศอื่นๆในเอเซียทีมีมหาวิทยาลัยติดในอันดับ Top 200 เช่นประเทศ สิงคโปร์ ญี่ปุ่น จีน ฮ่องกง เกาหลี อินเดีย และไต้หวัน (ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ http://tinyurl.com/mct6os7)

ในแง่ของการสนับสนุนของรัฐบาลเราจะเห็นได้ว่าในด้านนโยบายในเรื่องการพัฒนาคนทางด้านนี้เรายังไม่ชัดเจนเมื่อเทียบกับประเทศเพื่อนบ้านในอาเซียนอาทิเช่น สิงคโปร์มีแผนจะเพิ่มงานด้าน Infocomm อีก  80,000 ตำแหน่ง ฟิลิปปินส์มีแผนเพิ่มจำนวนงานของ IT/BPO ให้เป็น 900,000  ตำแหน่งในปี 2016 เวียดนามต้องการเพิ่มจำนวนแรงงานทางด้านอุตสาหกรรมไอซีทีให้เป็น  1 ล้านคนในปี 2020

นอกจากนี้เมื่อเร็วๆนี้ทาง IMC Institute ก็ได้เปิดเผยผลสำรวจ ในหัวข้อ “Emerging Technology: Thai IT Professional Readiness Survey” เพื่อศึกษาถึงภาพรวมและความพร้อมของประเทศไทยเกี่ยวกับการใช้งานทางด้านซอฟต์แวร์ และการพัฒนา Emerging Technology ซึ่งก็พบว่า เรามีปัญหาสำคัญคือขาดบุคลากรที่มีความเข้าใจทางด้านนี้เพียงพอ นอกจากนี้ยังพบว่าใน ไทยยังมีจำนวนนักพัฒนาซอฟต์แวร์ในด้่าน  Emerging Technology ในแต่ละองค์กรน้อยโดยเฉพาะทางด้าน Cloud Technology  โดยบางเทคโนโลยีมีนักพัฒนาน้อยกว่า 10 คนในหนึ่งองค์กร (ดูรายงานได้ที่ http://tinyurl.com/kby5s2l)

บทสรุปความพร้อมของอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์ไทยบนเวทีโลก

จากข้อมูลทั้งในด้านอันดับและรายได้ของบริษัทซอฟต์แวร์ ความพร้อมด้านการเป็นแหล่ง Outsourcing และการพัฒนาคน เราคงต้องยอมรับว่าอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์ไทยคงแข่งในเวทีโลกค่อนข้างยากหรือแม้แต่แข่งกับประเทศในกลุ่ม Emerging Market  อย่างไต้หวัน รัสเซีย จีน หรือ ประเทศกลุ่มยุโรปตะวันออก หากเรามองศักยภาพของเราเทียบกับประเทศในกลุ่มอาเซียนก็คงจะแข่งลำบากเพราะเราต้องยอมรับว่าสิงคโปร์นำหน้าเราไปมาก เช่นเดียวกับมาเลเซีย ขณะที่ทางเวียดนามและฟิลิปปินส์ก็เด่นกว่าเรามากในแง่ของ Outsourcing

โอกาสของเราในวันนี้คงต้องพัฒนาอุตสาหกรรมในประเทศให้ดีที่สุด สร้างให้เกิดความต้องการการใช้ซอฟต์แวร์และไอซีทีมากขึ้น ซึ่งหากมีกระตุ้นการใช้ในประเทศส่วนหนึ่งก็จะเพียงพอกับบริษัทซอฟต์แวร์ต่างๆในประเทศ ส่วนโอกาสในการแข่งขันบนเวทีโลกเราอาจมีโอกาสสำหรับกลุ่ม  Start-up  หรือบางบริษัทที่มีนวัตกรรมดีๆที่สามารถจะเปิดตลาดไปต่างประเทศได้

ผมคิดว่าถ้าเราทำเรื่องอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์อย่างจริงๆจังเมื่อสิบกว่าปีก่อน และตอนนั้นถ้ารัฐบาลทุ่มเงินเป็นหมื่นล้านเราก็อาจแข่งขันบนเวทีโลกได้ในวันนี้ แต่พอมาถึงวันนี้ผมคิดว่าเราสายเกินไปแล้วครับที่จะเข้ามาแข่งในเวทีนี้ เพราะคู่แข่งเราเมื่อสิบกว่าปีก่อนนำหน้าเราไปไกล และบางประเทศเกิดใหม่ในอุตสาหกรรมนี้ที่เคยตามเราก็แซงเราไปแล้ว เราทุ่มงบประมาณและพัฒนาคนไม่เพียงพอ แต่อุตสาหกรรมนี้ก็ยังเป็นอุตสาหกรรมที่น่าสนใจ เราอาจเน้นช่วยพัฒนาผู้ประกอบรายใหม่บางรายให้ออกไปต่างประเทศ แต่ภาพโดยรวมเราคงไม่สามารถจะแข่งได้ยกเว้นเพียงบางรายที่มีความโดดเด่นและสามารถสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศและนำรายได้กลับเข้ามา และข้อสำคัญในวันนี้เราต้องมาช่วยสร้างตลาดในประเทศให้กับผู้ประกอบการไทยมากกว่าจะไปตั้งเป้าว่าเป็นประเทศอันดับต้นของโลกทางอุตสาหกรรมนี้

แม้เราอาจรู้สึกว่าบริษัทหรือนักพัฒนาซอฟต์แวร์บางคนเราเก่ง ซึ่งก็เป็นเรื่องจริง เหมือนที่เรามีเด็กไทยเราชนะเลิศวิทยาศาสตร์/คณิตศาสตร์โอลิมปิคแต่ภาพรวมการศึกษาด้านวิทยาศาสตร์/คณิตศาสตร์ของเราก็ค่อนข้างแย่ เช่นเดียวกับเราก็อาจมีบริษัทซอฟต์แวร์หรือนักพัฒนาบางคนที่ขนะเลิศและแข่งบนเวทีโลกได้ เราก็ควรที่จะสนับสนุนบริษัทหรือนักพัฒนาเหล่านั้นให้ก้าวต่อไป แต่ภาพรวมของอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์เราคงไม่ใช่ครับ เราต้องดูที่ข้อมูลที่ตัวเลขซึ่งระบุชัดว่าเราไม่ใช่และต้องไม่ใช้ความรู้สึกมาวัดในการพัฒนาประเทศครับ

One thought on “โอกาสของอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์ไทยบนเวทีโลก

  1. มันรอดยากนะครับ เพราะแหล่งเงินทุนที่หามาหมุนเวียนแทบไม่มี บริษัทขอกู้จากแบงค์ที ทุกแบงค์ส่ายหน้าบอกเป็นธุรกิจที่เสี่ยง ขอกู้จากรัฐ ก็บอกไม่อยู่ในกลุ่มเป้าหมาย รับงานมาราคาแสนนึง แต่ต้องการฟีเจอร์คลอบจักรวาล ทำห้าเดือนก็ไม่จบ จะไม่รับก็ไม่ได้ เพราะไม่มีงาน ตอนนี้ทำได้แค่ประทังชีวิตให้รอดๆ ไป เผื่อว่าจะมีสักวันที่รัฐหรือใครจะทุนให้บ้าง

ใส่ความเห็น

Fill in your details below or click an icon to log in:

WordPress.com Logo

You are commenting using your WordPress.com account. Log Out /  เปลี่ยนแปลง )

Facebook photo

You are commenting using your Facebook account. Log Out /  เปลี่ยนแปลง )

Connecting to %s