ตอนผมเด็กๆกิจกรรมหนึ่งที่ผมชอบเล่นกับพี่ชายในช่วงวันปีใหม่ของทุกๆปีคือการติดสคส.ปีใหม่จำนวนมากที่แม่และพ่อได้รับติดโชว์รอบบ้าน มาวันนี้คุณแม่ผมจะบ่นว่าหาซื้อการ์ดปีใหม่ยากและไม่ค่อยได้รับเท่าไรแล้วแล้วคนที่เขาเคยมีอาชีพเหล่านี้ไม่ว่าคนทำสคส. คนส่งจดหมายต่อไปเขาไม่แย่หรอ
สมัยเรียนหนังสือที่มหาวิทยาลัยขอนแก่น เมื่อมีน้องใหม่เข้ามารายงานตัว เราจะเห็นร้านถ่ายรูปมารอรับถ่ายรูปนักศึกษาใหม่เต็มไปหมด รายได้ดีมากร้านถ่ายรูปร้านรับอัดภาพคนเนื่องแน่นอยู่เสมอ เราต้องขี่มอเตอร์ไซค์เข้าไปในเมืองรอรับรูป รอคิวเป็นเวลานานกว่าจะได้ เป็นธุรกิจที่น่าอิจฉาและน่าทำมาก แต่เมื่อวันก่อนผมกลับไปบริเวณเดิมที่เคยมีร้านถ่ายรูปหลายร้านในจังหวัด เหลือเพียงรายเดียวและไม่มีคนมากนัก
ยังไม่ต้องพูดถึงกิจการอื่นๆอีกมากมายที่กำลังเปลี่ยนไป ร้านขายหนังสือที่เคยเป็นเอเยนต์หนังสือรายใหญ่วันนี้เงียบเหงามาก ร้าน Travel Agent ร้าน Xerox แถวมหาวิทยาลัยที่เคยเฟื่องฟู พวกนี้หายไปหมดเพราะการเปลี่ยนแปลงสู่เทคโนโลยีดิจิทัล
โลกกำลังเปลี่ยนไปก้าวเข้าสู่เศรษฐกิจใหม่ เราหนีไม่พ้นเพราะดิจิทัลกำลังเข้ามา เราจะต้องมาคิดว่าเราจะอยู่รอดกับการเปลี่ยนแปลงอย่างไร
เมื่อสัปดาห์ที่แล้วผมเห็นข่าวตัวแทนจากธนาคารโลกในประเทศไทยกล่าวถึงตัวเลขอัตราการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศว่าประเทศไทยเราบ๊วยสุดในอาเซียน บางท่านก็อาจมองไปว่าเป็นเพราะปัญหาทางการเมืองเรา ผมคิดว่านั้นก็น่าจะเป็นส่วนหนึ่ง แต่ผมคิดว่าอีกส่วนหนึ่งที่เรากำลังลำบากในการที่จะเห็นเศรษฐกิจของประเทศเจริญเติบโตแบบเดิมๆลำบากก็เพราะเราติดกับดักดิจิทัล เรากำลังตามเศรษฐกิจใหม่ที่เราอาจใช้คำพูดว่า Digital Economy ไม่ทัน
โลกกำลังเปลี่ยนแปลง แต่เรากำลังเดินอยู่ในวิถีเศรษฐกิจแบบเดิม เราเห็นการค้า E-Commerce กำลังเข้ามาแต่เราคิดว่าคนไทยไม่พร้อม เราเห็นการเปลี่ยนแปลงของ Internet Banking แต่เรากลับคิดว่าการทำธุรกรรมออนไลน์มีความเสี่ยง เราเห็นการทำ Booking Online แต่เรากลับคิดว่าเป็นเรื่องของคนต่างชาติหรือมองเป็นเรื่องไฮเทค เราเห็นหนังสือพิมพ์แบบอีบุ๊คเข้ามาแต่เราคิดว่าคนยังชอบอ่านแบบกระดาษ ก็เพราะเราคิดช้าเราคิดแบบเดิม ทำให้หลายๆอาชีพกำลังลำบากกำลังแข่งขันในอนาคตลำบาก
ทันทีที่ผมเห็นข่าวว่ารัฐบาลกำลังทำ Digital Economy ผมดีใจมากครับคิดว่าประเทศเรากำลังก้าวไปสู่เศรษฐกิจใหม่ นึกถึงโครงการใหญ่ๆอย่าง Eastern Sea Board สมัยพลเอกเปรมเป็นนายกฯที่ลงทุนเป็นหมื่นล้านแล้วช่วยทำให้เศรษฐกิจโตขึ้นอย่างมาก ไม่ต้องพูดถึงความเจริญที่เข้ามายังจังหวัดแถวนั้น ทำให้เราเห็นแถวชลบุรี ระยอง โตขึ้นอย่างก้าวกระโดด
การทำ Digital Economy คือการสร้างเศรษฐกิจแบบใหม่ที่จะทำให้ประเทศไทยแข่งขันได้แบบก้าวกระโดด ผมอยากเห็นว่าถ้าเปลี่ยนตรงนี้มันจะต่างจากเศรษฐกิจแบบเก่าอย่างไร เราจะมีงานใหม่เกิดขึ้นในประเทศกี่ล้านตำแหน่ง คนในภาคเกษตรกรรม ภาคท่องเที่ยว หรือภาคอุตสาหกรรมอื่นๆจะได้ประโยชน์อย่างไร ตัวชี้วัดก็ควรจะเป็นว่า GDP โดยรวมของประเทศจะโตขึ้นกี่เปอร์เซ็นต์ใน 5 ปี เช่นขึ้นไปถึง 20-30% ไหม มันจะโตแบบก้าวกระโดดอย่างไร แต่ไม่ใช่ตัวชี้วัดของกระทรวงไอซีทีครับต้องเป็นตัวชีวัดของรัฐบาล
ดังนั้นเศรษฐกิจดิจิทัลไม่ใช่แค่เรื่องของไอที ไม่ใช่มาดูว่าเราจะทำอะไรกับอุตสาหกรรมไอทีหรือจะกระตุ้นอุตสาหกรรมไอทีของประเทศอย่างไร ตอนนี้เปรียบเสมือนว่าประเทศคือบริษัทแห่งหนึ่งที่กำลังประสบปัญหาว่าอัตราการเจริญเติบโตของธุรกิจไม่ดีพอ เราต้องมีการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญอาจต้องหาสินค้าหรือบริการใหม่ หรือข้อมูลสำหรับวิธีการขายแบบใหม่ๆ บริษัทนี้คงไม่ใช่แค่มามองว่าจะปฎิรูปแผนกไอทีอย่างไร ไม่ได้มาวัดว่าจะลงทุนด้านไอทีเป็นอัตราส่วนเท่าไร แต่มันควรเป็นการที่ฝ่ายต่างๆในบริษัทจะมาแนวทางร่วมกันว่าจะใช้ไอทีอย่างไรเพื่อให้บริษัทเจริญเติบโตอย่างก้าวกระโดด
เช่นเดียวกันครับ บริบทของภาครัฐในการทำ Digital Economy ต้องไม่ใช่แค่เรื่องของกระทรวงไอซีที ไม่ใช่แค่เรื่องของการปรับโครงสร้างกระทรวงไอซีที แต่มันควรเป็นเรื่องของทุกกระทรวงโดยเฉพาะกระทรวงทางด้านเศรษฐกิจว่าเราจะทำอย่างไรโดยใช้ไอทีเพื่อให้เศรษฐกิจโตแบบก้าวกระโดด อะไรคือยุทธศาสตร์สำคัญในอนาคต ท่องเที่ยวหรือเกษตร ไอซีทีจะเข้ามาช่วยได้อย่างไร คิดอย่างไรถึงจะต่าง ตอนนี้ประเทศเรากำลังไล่ตามเขาเรื่องดิจิทัล ทำตามเขาเรื่อง E-Service อย่างมากก็ไล่เขาทัน ถ้าจะชนะเขาต้องหาวิธีคิดต่าง ข้อสำคัญเรากำลังทำ New Economy ต้องช่วยกันทุกฝ่ายว่าจะปฎิรูปประเทศให้เศรษฐกิจเราโตขึ้นอย่างไร ไม่ใช่มาคิดว่าอุตสาหกรรมไอซีทีในประเทศจะโตขึ้นกี่เปอร์เซนต์ อันนั้นมันเป็นผลพลอยได้ เพราะถ้าเศรษฐกิจของประเทศโตจากการใช้ไอซีที ยังไงอุตสาหกรรมไอซีทีก็ต้องโตขึ้นอย่างมาก
ธนชาติ นุ่มนนท์