ผมเป็นคน Generation X เกิดในยุค 2508-2522 แต่ผมทันที่จะเรียนชั้นมัธยมศึกษา (ม.ศ.) รุ่นสุดท้าย เริ่มได้ดูทีวีขาวดำตอนเด็กๆ ตื่นเต้นเมื่อได้ดูฟุตบอลโลกนัดชิงคู่เยอรมันตะวันตกกับฮอล์แลนด์ที่ถ่ายทอดสดมาเพียงคู่เดียวในปี 2517 ตอนชั้นประถมปลายพ่อสอนให้ฟังวิทยุคลื่นสั้นช่อง BBC ถ้าอยากฟังข่าวฟุตบอลอังกฤษ ตอนมัธยมต้นผมชอบนั่งรถเมล์จากนครปฐมไปหอสมุดแห่งชาติเพื่อไปค้นคว้าหาหนังสือพิมพ์เก่าๆสมัยยุค 2510 อ่าน จำได้ว่าตอนม.ศ.3 ผมตอบคำถามกีฬาของหนังสือพิมพ์ Bangkok Post แล้วได้รางวัลชนะเลิศเพราะผมขยันไปค้นข้อมูลในหอสมุดแห่งชาติ พ่อและแม่มี Encyclopedia ที่ซื้อมาในยุค 1966 ชุดหนึ่งที่ผมชอบมาเปิดอ่านมา เหมือนกับหนังสือ Almanac ที่เก็บสถิติต่างๆที่ผมชอบอ่าน
ชีวิตคน Gen X รุ่นแรกอย่างผม ในวัยเรียนจะมีความสุขกับการรอรับจดหมาย เวลารอเงินจากที่บ้านพวกเราต้องไปรอที่ไบรษณีย์ของมหาวิทยาลัย เพื่อรอรับธนานัติ ถ้ามีเรื่องด่วนเราก็ต้องส่งโทรเลข นานๆทีเราจะได้ใช้โทรศัพท์ทางไกลซักครั้ง เพราะการโทรทางไกลมีค่าใช้จ่ายที่สูงมาก จำได้ว่าตอนไปเรียนต่างประเทศนับครั้งได้ที่โทรศัพท์กลับเมืองไทย สมัยนั้นตอนอยู่เมืองนอกการติดต่อสื่อสารทางจดหมายใช้เวลาเป็นเดือน ข่าวสารจากเมืองไทยต้องอ่านจากจดหมาย หรือพูดคุยกับเพืรอนฝูงที่เพิ่งกลับมาจากเมืองไทย ความสุขอย่างหนึ่งในสมัยเรียนคือการดูทีวีในช่วง Prime Time จะเดินทางไปไหนมาไหนสมัยนั้นต้องวางแผนล่วงหน้าเป็นเวลานานต้องไปหาซื้อตั๋วผ่าน Travel Agent และต้องเตรียมแผนที่ซึ่งเป็นกระดาษไว้เสมอเผื่อหลงทาง จำได้ว่าตอนก่อนวันสิ้นปี 2530 ผมจะเดินทางกลับบ้านต้องไปถอนเงินล่วงหน้าที่ธนาคารแห่งเดียวในมหาวิทยาลัยขอนแก่น ที่สมัยนั้นยังไม่มีตู้ ATM ต้องยืนรอคิวนานถึงเกือบ 4 ชั่วโมง
ผมเกริ่นมาตั้งนาน เพียงพอจะบอกว่าวันนี้โลกดิจิทัลได้เปลี่ยนชีวิต ผมไปอย่างมากมาย หลายๆอย่างที่ผมเคยทำ ผมเลิกทำมานานแล้ว วันนี้จะขอยกตัวอย่างสิ่งต่างๆ10 อย่างที่โลกดิจิทัลได้เปลี่ยนชีวิตผม
ไปรษณีย์: สมัยเด็กๆเราจะตื่นเต้นทุกครั้งที่บุรุษไปรษณีย์มาส่งจดหมาย เราจะต้องรอคอยทุกวันว่าไปรษณีย์มายัง แต่ตอนนี้ผมจำไม่ได้ว่าผมเขียนหรือส่งจดหมายครั้งสุดท้ายเมื่อไร แต่ผมใช้อีเมล์มา 20 กว่าปี ยิ่งตอนหลังๆมาทำงานภาคเอกชนผมแทบไม่ได้รับจดหมายเลย งานไปรษณีย์ต้องเปลี่ยนรูปแบบ แต่โชคดีที่ไปรษณีย์ไทยมีผู้บริหารที่เก่งสามารถปรับบริการได้ทันและเหมาะสม
หนังสือพิมพ์: แต่ก่อนผมชอบซื้อหนังสือพิมพ์มาก แต่ละวันหลายฉบับทุกเช้าต้องรอคนมาส่งหนังสือพิมพ์ ตั้งแต่ผมมี iPad เครื่องแรก 4-5 ปีก่อน ผมเลิกซื้อหนังสือพิมพ์ที่เป็นกระดาษ แต่ผมอ่านหนังสือพิมพ์ที่เป็นฉบับผ่านโปรแกรม E-Book ยิ่งระยะหลังผมซื้อหนัวสือพิมพ์และนิตยสารแบบบุฟเฟ่ต์ผ่าน OokBee ทำให้ทุ่นค่าหนังสือพิมพ์ไปได้มา และทุกเช้าผมก็ยังได้อ่านหนังสือพิมพ์วันละ 4-5 ฉบับผ่าน iPad
ห้องสมุด: จากเด็กที่ชอบขึ้นรถเมล์ข้ามจังหวัดไปห้องสมุด คนที่ชอบนั่งอ่านหนังสือในห้องสมุด กลายเป็นคนที่ไม่เข้าห้องสมุด ผมจำได้ว่าเมื่อต้นปีที่แล้วผมมีโอกาสไปบรรยายการประจำปีของสำนักวิทยบริการที่ดูแลห้องสมุดของมหาวิทยาลัยทั่วประเทศไทย ผมเกริ่นให้ผู้ฟังว่าทุก;yนนี้ผมไม่ได้เข้าห้องสมุด เพราะผมไม่ทราบจะเข้าไปค้นอะไรเหมือนเก่า เพราะห้องสมุดของผมตอนนี้คือ Internet ผมค้นคว้าและอ่านหนังสือจากในนั้น ห้องสมุดที่ผมจะเข้าต้องมีชีวิตชีวา มีที่ให้ผมทานกาแฟ ที่ประชุม ที่ให้พบปะกับเพื่อนฝูง หรือมีในสิ่งที่ผมต้องการเช่นดูหนัง ดู YouTube พร้อมทั้งยกตัวอย่างห้องสมุดที่ NIDA หรือร้านขายหนังสือที่ไต้หวัน
ธนาคาร: ทุกวันนี้นานๆทีผมจะเข้าธนาคาร ผมเชื่อว่าอีก 10-15 ปี จำนวนสาขาจะน้อยลงไปเรื่อยๆ ธนาคารในอนาคตจะไม่ใช่ที่รับฝากและถอนเงิน แต่จะช่วยให้คำปรึกษาเรื่องการลงทุน อาจเป็นที่ประชุมให้คนมานั่งพูดคุยหรือทานกาแฟกัน ทุกวันนี้ผมใช้ Internet Banking , Online Credit Card Services เพื่อตรวจสอบข้อมูลการใช้ผ่านบัตร และ Online AssetManagement เพื่อซื้อขายหน่วยลงทุนมากกว่า 10 บัญชี
ร้านถ่ายรูป: แม้ผมจะไม่ใช่คนชอบ Selfie หรือชอบถ่ายรูปมากนัก แต่ผมเลิกถ่ายรูปหรืออัดรูปที่เป็นกระดาษมานานมากแล้ว ตั้งแต่เริ่มใช้ Smartphone รุ่นแรก Nokia 7650 เมื่อสิบกว่าปีก่อนแล้ว รูปที่ถ่ายก็อยู่บน Cloud ไม่ได้เก็บในเครื่องตัวเอง ไม่ห่วงว่าจะหายไปเหมือนเก็บใส่เครื่องคอมพิวเตอร์หรือ Harddiskและนานๆครั้งจะไปร้านถ่ายรูป เพื่ออัดรูปมาใส่กรอบรูป
Prime Time TV: จากคนที่ชอบดูทีวี โดยเฉพาะหนังช่วง Primetime หรือดูการถ่ายทอดกีฬาทุกสัปดาห์ เดี๋ยวนี้นานๆครั้งผมจะดูรายการถ่ายทอดสด ไม่ดูแม้แต่ข่าวทีวีจากทีวี แต่ละวันแทบไม่ได้ดูทีวี ทีวีของผมในวันนี้คือเครื่องอะไรก็ได้ ตั้งแต่คอมพิวเตอร์, Smart TV, Tablet หรือ Smartphone ผมเลือกที่จะดู YouTube หรือรายการข่าวผ่านอินเตอร์เน็ตเสียมากกว่า และจะเลือกดูที่ไหน เวลาใด หรือ อุปกรณ์ใดก็ได้ เมื่อยากดู ไม่ต้องรอช่วง Prime Time แบบเดิม
Travel Agent: แม้ผมจะเดินทางบ่อยแต่ผมไม่เคยซื้อตั๋วผ่าน Travel Agent มานานมากแล้ว ผมซื้อทางออนไลน์มาเกือบสิบปีแล้ว แม้แต่แผนที่ที่เป็นกระดาษทุกวันนี้ก็เลิกใช้ไป 4-5 ปีแล้ว ตั้งแต่ยุคที่ 2.75 G บ้านเราดีๆก็ใช้ Google Map ผ่านมือถือแทน
Call Center: เป็นอีกอย่างที่ถ้าไม่จำเป็นผมไม่ใช้บริการ เพราะล่าช้า และเลือกที่จะหาข้อมูลหรือสั่งซื้อทางอินเตอร์เน็ตมากกว่า แม้แต่จะสั่งซื้อ Pizza ก็ไม่เลือกที่จะโทร Call Center
Encyclopedia: สมัยเด็กๆผมชอบทีทจะหาอ่านข้อมูลต่างๆผ่าน Encycpedia มาก แม้แต่ยุคแรกๆของอินเตอร์เน็ตผมยังไปซื้อ CD โปรแกรม Encyclopedia Britannica มาใชั แต่โลกของการค้นคว้าผมทุกวันนี้กลายเป็น Wikipedia
โทรทางไกล: คำๆนี้ผมแทบไม่รู้จักแล้ว เพราะมือถือทำให้ไม่มีเรื่องของการโทรข้ามจังหวัด ทุกอย่างสมัยนี้อัตราเดียวกันหมด แม้แต่การโทรไปต่างประเทศผมก็เลือกที่จะใช้ Skype โทรผ่านอินเตอร์เน็ต
สุดท้ายนี้แม้โลกดิจิทัลได้เปลี่ยนชีวิตผมอย่างมาก แต่ความที่เกิดมาเป็นคน Gen X ที่เกือบเข้ายุค Baby Boom ทำให้ผมต้องใช้ชีวิตในวัยเด็กในยุคที่ไม่มีคอมพิวเตอร์ ของเล่นตอนผมอยู่ ป.2-ป.3 คือผมใช้สมุดเล่มหนึ่งมาจดทะเบียนรถที่ผ่านหน้าบ้านผมในมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ทุกคัน อย่างสนุกสนานตามประสาเด็กๆที่สมัยนั้นไม่มีเทคโนโลยีให้เล่น ความเป็นเด็กอาจไม่ได้รู้จักวิชาสถิติไม่ทราบว่าจดไปแล้วนับไปเพื่ออะไร แต่ทักษะแบบอนาล็อกอย่างนี้ละครับทำให้ผมโตขึ้นมาอย่างเข้าใจตัวเลขในยุคดิจิทัล และก็ทักษะที่เข้าไปค้นหนังสือในหอสมุดแห่งชาตินี้ละครับที่สอนให้ผมรู้จักค้นคว้าอะไรต่างๆอย่างมีเหตุผลในโลกอินเตอร์เน็ต คงต้องขอบคุณพ่อและแม่ที่ท่านช่วยสอนให้เรามีทักษะของการเรียนรู้ ไม่ว่าโลกจะเปลี่ยนจาก Analog สู่ Digital หรือเข้าสู่ยุคใดก็ตาม ทักษะ Learn to learn คือสิ่งที่สำคัญที่สุด
ธนชาติ นุ่มนนท์
IMC Institute