เรามักจะเห็น Prediction เรื่องของแนวโน้มไอทีในโลกและภูมิภาคต่างๆของค่่ายวิจัยต่างๆทั้ง Gartner และ IDC ซึ่งบางเรื่องก็อาจจะไกลตัวเราไปบ้าง ปลายปีก็มักจะมีสื่อมาถามผมว่าปีหน้าแนวโน้มอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์จะเป็นอย่างไร ซึ่งผมเชื่อว่าหลายๆท่านก็คงได้รับคำถามคล้ายๆกัน และตอบออกมาจากประสบการณ์ของตัวเอง ผมเองยังมองอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์ไทยในปีหน้าว่ายังค่อนข้างสดใส และเศรษฐกิจในประเทศไทยก็น่าจะโตตามคาดการณ์ของสำนักวิจัยต่างๆ แม้ในระยะยาวเราอาจจะเจอปัญหาจากนโยบายประชานิยมที่อาจทำให้มูลค่าหนี้สาธารณะของประเทศเพิ่มขึ้นอย่างมากก็ตาม โดยมีคาดการณ์ต่างๆดังนี้
- ตลาดซอฟต์แวร์ในปีหน้าจะโตที่สุดในกลุ่มของ Telecom อันเนื่องมาจากการลงทุนของ Operator ต่างๆที่ได้สัมปทาน 3G ซึ่งจะต้องมีการลงทุนในด้าน IT Infrastructure ทั้ง Software และ Hardware เป็นจำนวนมาก แต่ ซอฟต์แวร์ส่วนใหญ่ก็คงยังเป็นซอฟต์แวร์จากตลาดต่างประเทศ อีก Sector หนึ่งที่น่าจะตลาดซอฟต์แวร์น่าจะขยายตัวขึ้นคือ FSI (Financial Security และ Insurance) เพราะจะมีการแข่งขันค่อนข้างสูง และจะมีความต้องการของลูกค้าที่จะเป็น Mobile และ บริการแบบ 24×7 มากขึ้น
- ยอดขายของ Tablets และ Smartphone จะเพิ่มขึ้นไปอีกตามการคาดการณ์ของ IDC และ Gartner คนในกรุงเทพจะเริ่มเข้าถึงอินเตอร์เน็ตโดยใช้อุปกรณ์โมบายมากกว่าพีซี จึงจะทำให้ตลาด Mobile Applications ในประเทศโตขึ้น องค์กรหลายแห่งจะเริ่มมีการทำกลยุทธ์ Mobile ขององค์กร เพื่อแข่งกันให้บริการลูกค้า
- Cloud Computing จะเป็นกระแสที่แรงอยู่ และองค์กรบางแห่งจะเริ่มพัฒนา Private Cloud แต่ความเข้าใจเรื่อง Cloud ที่แท้จริงในประเทศก็คงยังน้อยอยู่ คนใช้ไอทีจะใช้ Public Personal Cloud ของต่างประเทศมากขึ้น แต่องค์กรต่างๆในประเทศอาจยังไม่พร้อมที่จะพัฒนาซอฟต์แวร์ขึ้น Cloud ทั้งนี้เนื่องจากปัญหาเรื่องของการขาดบุคลากร และความไม่พร้อมเรื่องกฎระเบียบในประเทศ
- บริษัทซอฟต์แวร์ไทยจะเริ่มมีการพัฒนา Application ขึ้น Cloud Platform ของต่างประเทศมากขึ้น และคาดการณ์ว่า Platform ที่บริษัทจะพัฒนามากที่สุดคือ Microsoft Azure ทั้งนี้เนื่องจาก Microsoft จะให้การสนับสนุนที่ดีกว่าค่ายอื่นๆ ขณะที่ PaaS อื่นๆเช่น Amazon, Google App Engine และ Force.com จะยังไม่มีการสนับสนุนจาก Vendor โดยตรง นอกจาก Online Support
- นักพัฒนาซอฟต์แวร์ไทย จะสนใจพัฒนา Mobile Application มากขึ้น แต่จำนวนของ iOS Developer ก็คงยังมีไม่มากนัก แต่อาจเห็นจำนวนของ Android Developer มากกว่า และที่น่าจับตามองคือ Windows 8 Developer ที่น่าจะได้แรงหนุนที่ดีจาก Microsoft ส่วนตลาดของ BB10 ก็คงยังไม่แรงพอ แม้จะมีแรงสนับสนุนอย่างมากจาก RIM ก็ตาม
- โปรเจ็คในภาครัฐก็คงยังวนเวียนอยู่กับกระแสของ One Tablet Per Child และ Government Cloud ซึ่งสุดท้ายแล้วคงยังไม่มีโอกาสมากนักสำหรับนักพัฒนาซอฟต์แวร์เล็กๆในบ้านเรา แต่อาจเก็บตกโปรเจ็คด้าน e-Learning/Mobile Apps บางส่วนจากโครงการ Tablet ไปได้บ้าง ส่วนโปรเจ็คใหญ่ๆก็คงยังไปที่ SI รายใหญ่ๆในประเทศเรา ส่วน Freelance หรือบริษัทซอฟต์แวร์เล็กๆก็อาจ Sub Project ไปได้บ้าง
- นโยบายรถคันแรกจะทำให้ตลาด e-Commerce และ Online ขยายตัวขึ้นมาก เพราะผู้คนจะเบื่อหน่ายกับการเดินทาง คงจะเห็นความต้องการ Application ที่ให้ผู้คนสามารถติดต่อสื่อสาร ทำงาน และ ทำธุรกรรม ได้ ทุกที่ทุกเวลามากขึ้น
- ตลาดส่งออกซอฟต์แวร์ที่น่าสนใจก็ยังคงเป็นกลุ่มของ Embedded System ที่อาจเห็นบริษัทจากญี่ปุ่นและเกาหลีมาจ้างบริษัทซอฟต์แวร์ไทย แต่จำนวนบริษัทที่ทำในด้านนี้ของบ้านเราอาจมีไม่มากนัก แต่ก็จะเป็นกลุ่มที่มีรายได้ดี แม้จะหาบุคลากรค่อนข้างยาก
- เราจะยังมีปัญหาการขาดแคลนบุคลากรด้านซอฟต์แวร์เช่นเดิม ทั้งนี้เนื่องจากหลักสูตรที่สถาบันการศึกษาต่างๆผลิตบัญฑิตออกมาจะไม่สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยี โดยเฉพาะทางด้าน Cloud Computing
- สุดท้าย บริษัทซอฟต์แวร์ไทยก็จะมีอยู่สองกลุ่มที่ชัดเจนคือ กลุ่มที่เป็น Start-up แต่อาจมีนวัตกรรมใหม่ๆที่ใช้ Emerging Technology ซึ่งจะเริ่มบุกไปตลาดต่างประเทศ แต่อาจต้องการเงินทุน ซึ่งเราจะเริ่มเห็น Venture Capital ทั้งในและต่างประเทศมาลงทุนกับกลุ่มนี้มากขึ้น กับอีกกลุ่มหนึ่งที่เป็นบริษัทซอฟต์แวร์ขนาดใหญ่ ที่สามารถรับโครงการใหญ่จากหน่วยงานต่างๆได้ แต่อาจไม่ได้เน้นเรื่องของนวัตกรรมมากนัก