วันก่อนผมต้องไปบรรยายให้กับ Inet และ I am Consulting เรื่องของ Cloud Computing Trends ในตอนแรกผมก็พยายามจะดูว่ามีสำนักวิจัยค่ายไหนบ้างที่พูดถึง Trends ในปีหน้า แต่หลังจากค้นไปค้นมาเลยมานั่งคิดว่า ตัวเองก็ศึกษาและดูแนวโน้มเรื่อง Cloud Computing พอควร ก็ควรที่จะเป็นคนหนึ่งที่บอกแนวโน้มได้ เลยทำ Slide กำหนด 10 Trends เองเลยดังนี้
1) ตลาด Cloud Computing ของทั่วโลกกำลังโตขึ้น (Global cloud computing
is growing)
ตลาดด้านไอทีกำลังเปลี่ยนจากภาคฮาร์ดแวร์สู่ภาคบริการ (Service) ซึ่งก็สอดคล้องกับเทคโนโลยี Cloud Computing ซึ่งทาง Gartner คาดว่าตลาดจะโตถึง 250,000 ล้านเหรียญสหรัฐในปี 2017 ทั้งนี้ถ้ามองเฉพาะตลาดหลักอย่างบริการ IaaS, SaaS และ PaaS โดยไม่รวมบริการอย่าง Consulting หรือ Cloud Advertising ทาง IDC คาดว่าตลาดจะโตถึง 107,200 ล้านเหรียญสหรัฐในปี 2017 โดยตลาดส่วนใหญ่จะเป็น SaaS ทั้งนี้ผู้ให้บริการรายใหญ่ยังเป็น Amazon Web Services ที่ยังโตต่อเนื่องโดยมีการคาดการณ์ว่าจะมีรายได้สูงถึง 9,200 ล้านเหรียญสหรัฐในปี 2015 และสำหรับตลาดในเอเซียนิตยสาร Forbes คาดว่าจะมีมูลค่าสูงถึง 31,982 ล้านเหรียญสหรัฐในปี 2020 โดยตลาดส่วนใหญ่เกือบ 50% อยู่ในญี่ปุ่นและเป็นมูลค่า SaaS ถึง 16,405 ล้านเหรียญสหรัฐ

รูปที่ 1 มูลค่าตลาด Cloud Computing ในเอเซีย [ข้อมูลจาก http://www.forbes.com]
2) จะมีบริการใหม่ๆบน Cloud Computing ที่ทำให้การใช้งานเติบโตมาก (New services make cloud more than mature)
การบริการของ Cloud Computing จะมีมากกว่าแค่ IaaS, PaaS และ SaaS ผู้ให้บริการจะแข่งกันออก Service ใหม่ๆอย่างต่อเนื่อง และทำให้เราสามารถที่จะใช้บริการ Cloud แทนที่จะต้องมาสร้าง IT Infrastructure ขนาดใหญ่ในองค์กร อาทิเช่น Service ที่หลากหลายของ Amazon Web Services ทำให้เราสามารถที่จะสร้าง Larger Scale Web Application Architecture ได้อย่างน้อย นอกจากนี้ผู้ให้บริการแต่ละรายก็จะมีตลาด App Store ของตัวเองอาทิเช่น AWS Application Market และ Salesforce AppExchange
3) ยังจะมีผู้ให้บริการ Cloud ในแต่ละประเทศแต่จะเป็นขนาดเล็กกว่าหรือบริการเฉพาะ (Regional/Local cloud smaller or boutique cloud)
แม้ผู้ให้บริการรายใหญ่ระดับโลกจะมีคุณภาพและราคาที่ถูกกว่า และการเป็นผู้ให้บริการ IaaS จำเป็นต้องมีการลงทุน Data Center ที่สูงมากและเน้นมีลูกค้าจำนวนมาก แต่ความต้องการของหน่วยงานรัฐบาลหรือบริษัทหลายๆประเทศยังจะให้ความสำคัญกับตำแหน่งที่ตั้งของ Data Center ในการเก็บข้อมูล ดังนั้นก็ยังจะมีผู้ให้บริการ IaaS ขนาดเล็กที่จะคอยให้บริการกลุ่มองค์กรเหล่านี้อยู่ และก็อาจจะมีบริการเฉพาะด้านทีี่อาจเรียกว่า Boutique cloud สำหรับรายเล็กๆที่อาจแข่งขันกับรายใหญ่ได้เช่นการพัฒนา NoSQL as a Service หรือการทำ SaaS เฉพาะด้านของแต่ละภูมิภาค
4) ตลาดโมบายและ Internet of Things จะกระตุ้นตลาด Cloud (Mobile Devices & IoT
booth cloud market)
มีการคาดการณ์ว่าจะมี smartphone ถึง 4,000 ล้านเครื่อง และจะมีอุปกรณ์ Internet of Things ถึง 50,000 ล้านเครื่องในปี 2020 จำนวนที่มากขึ้นเหล่านี้หมายถึงการที่จะมีข้อมูลมากขึ้น มีการใช้ Personal Cloud และ Cloud Applications ที่มากขึ้น เพราะจะมีความต้องการให้ข้อมูลตามผู้ใช้ไปได้ทุกที่ ทุกเวลา และทุกอุปกรณ์
5) องค์กรจะมีการพัฒนา Hybrid Cloud มากขึ้น (More hybrid cloud adoption)
การจะ Migrate ทุกอย่างขึ้นสู่ Cloud ย่อมเป็นเรื่องที่ยาก ดังนั้นเราจะเห็นว่าองค์กรใหญ่ๆจะมีการใช้งาน Public/Private Cloud ผสมกับระบบที่เป็น on-Premise ดังนั้น IT Architecture ก็จะถูกออกแบบให้ทำงานทั้งสองระบบร่วมกันได้ ทาง Gartner เองก็คาดการณ์ว่า 50% ของหน่วยงานต่างๆทั่วโลกจะมี Hybrid Cloud ในปี 2017
6) SaaS จะกลายเป็นรูปแบบหลักในการซื้อ ซอฟต์แวร์ (SaaS becomes de facto for buying new applications)
ซอฟต์แวร์แบบเดิมจะขึ้น Cloud โดยมีรูปแบบของ License และการซื้อขายที่เปลี่ยนเป็น Pay per use โดยทาง IDC คาดการณ์ว่าในปี 2016 รายได้ของบริษัทซอฟต์แวร์ทั่วโลกถึง 21.3% จะเป็น SaaS โดยทาง PwC ก็มีรายงานที่ชี้ให้เห็นว่่าบริษัทต่างๆก็เริ่มสัดส่วนรายได้จาก SaaS ที่สูงขึ้น หลายบริษัทมีรายได้มากกว่า 80% จาก SaaS เช่น Salesforce, Google หรือ Amazon
7) การพัฒนาซอฟต์แวร์ใหม่ๆจะมุ่งสู่ Cloud (New SW development will be mainly on cloud)
เนื่องจากจะมีผู้ใช้ซอฟต์แวร์ในอนาคตที่มากขึ้น ทำให้ซอฟต์แวร์แต่ละตัวจะต้องอยู่บน IT Infrastructure ขนาดใหญ่ จึงทำให้นักพัฒนาซอฟต์แวร์จะต้องเรียนรู้การพัฒนาซอฟต์แวร์บน PaaS หรือ IaaS ซึ่งทาง IDC คาดการณ์ว่าตลาด PaaS จะมีมูลค่าสูงถึง 14,000 ล้านเหรียญสหรัฐในปี 2017 และ 85% ของซอฟต์แวร์ในปัจจุบันได้ถูกพัฒนาบน Cloud แล้ว นอกจากนี้ทาง Evans Data ระบุว่า 1 ใน 4 ของนักพัฒนาซอฟต์แวร์ทั่วโลกจำนวน 18 ล้านคนกำลังพัฒนาซอฟต์แวร์บน Cloud
8) ราคาการให้บริการ Cloud จะลดลง (Cloud pricing is decreased)
ผู้ให้บริการ Cloud ส่วนใหญ่ก็จะลดราคาการให้บริการ Cloud อย่างต่อเนื่อง โดยเราจะเห็น Amazon เป็นผู้นำในการตัดราคาลง โดยในปี 2013 Amazon ลดราคาบริการต่างๆถึง 12 รายการ ทำให้รายอื่นๆต้องลดราคาแข่งตาม ทำให้ในปัจจุบันราคา Computing Service หรือ Storage Service มีราคาถูกลงมาก อาทิเช่นราคา Storage ของ Amazon S3 มีราคาเพียง $0.03 ต่อ GB ต่อเดือน
9) Big Data as a Service (BDaaS)
ประเด็นสำคัญหนึ่งในการประมวลผลข้อมูล Big Data คือการลงทุนจัดหาเครื่องคอมพิวเตอร์ Server จำนวนมากเข้าใช้งาน ซึ่งต้องลงทุนสูงและอาจไม่คุ้มค่า จึงเริ่มมีการให้บริการการประมวลผลบน Cloud Service มากขึ้น ตัวอย่างเช่นการใช้ Hadoop บน Cloud ที่ในปัจจุบันมีผู้ให้บริการรายหลายอาทิเช่น Amazon EMR, Microsoft Azure HDInsight, IBM Bluemix และ Qubole นอกจากนี้ก็อาจจะมีบริการ Analytics as a Service อย่างเช่น Jaspersoft BI หรือ Birst
10) จะมีการยอมรับระบบความปลอดภัยบน Cloud มากขึ้น (Cloud security is more acceptable)
แม้ผู้คนจำนวนมากจะมีความกังวลเรื่องระบบความปลอดภัยบน Cloud ซึ่งข้อมูลสำรวจจาก Rightscale หรือของ IMC Institute ก็พบว่าความเห็นที่สอดคล้องกันว่า องค์กรส่วนใหญ่ยังคงกังวลเรื่องความปลอดภัย แต่ถ้าเป็นองค์กรที่ใช้บริการ Cloud แล้วการสำรวจพบว่าจะกังวลน้อยลง และในปัจจุบันผู้ให้บริการส่วนใหญ่ก็มีระบบความปลอดภัยที่ดีขึ้น และมีมาตรฐานหลายด้านเกี่ยวกับ Cloud Security ที่ออกมาใหญ่
ธนชาติ นุ่มนนท์
IMC Institute