วันนี้ผมได้รับเชิญจากงาน Thailand Online Expo เพื่อไปบรรยายเรื่อง Cloud Computing ในหัวข้อเรื่อง “Cloud เทคโนโลยีที่ช่วยลดต้นทุน เพิ่มประสิทธิภาพองค์กรให้แข่งขันได้จริงหรือ?” ซึ่งก็เป็นอีกครั้งหนึ่งที่ผมมาบรรยายให้กับกลุ่มผู้ใช้ไอทีในเรื่อง Cloud Computing ซึ่งผมมีโอกาสบรรยายให้หลายๆครั้งกับกลุ่มของ SME ที่อาจโดย สสว. SIPA และ Software Park สำหรับ Slide บรรยายของผมสามารถดูได้จาก Slideshare ที่ => การประยุกต์ใช้ Cloud Computing สำหรับองค์กร
หลายๆคนชอบมาถามผมว่า Cloud Computing มันใช้ได้จริงหรอ มันคุ้มหรอ มันไม่เสี่ยงหรอ สารพัดคำถามที่เจอด้วยความไม่แน่ใจ ผมก็มักจะตอบกลับไปว่าคุณก็ใช้อยู่ทุกวัน ถ้าคุณใช้ Facebook, Gmail, Dropbox หรือ Google Calendar พวกนั้นก็คือแอปพลิเคชั่นบน Cloud ที่ทำให้คุณสามารถเข้าถึงข้อมูล ทุกที่ ทุกเวลา และทุกอุปกรณ์ เพียงแต่ Public Cloud ที่คุณใช้อยู่เป็น Free Cloud ที่คุณใช้แบบเริ่มต้น และสิ่งที่ผู้ใช้คิดคล้ายๆกันแล้วทำให้เลือกใช้ก็คือ Application เหล่านี้ทำให้ข้อมูลตามคุณไปไม่ได้ยึดติดอยู่กับอุปกรณ์ และระบบมีความเสถียร เพียงแต่ว่า Free Cloud เหล่านี้อาจมีข้อจำกัดในการใช้งานเช่น Dropbox อาจให้พื้นที่คุณเพียง 2-5 Gb แต่ถ้าคุณต้องการพื้นที่มากกว่านั้นคุณก็ต้องจ่ายตามการใช้งาน
ผมก็เป็นผู้ใช้ Cloud Computing ทั้งสามแบบครับ คือทั้ง IaaS, PaaS และ SaaS มีทั้งส่วนที่เป็น Free Cloud และ Commercial Cloud และมีการนำมาใช้ใน IMC Institute นับตั้งแต่่วันแรกที่เราเริ่มทำงาน โดยเรามีการนำ Cloud Computing มาใช้งานหลายๆส่วนดังนี้
การทำเว็บไซต์
เมื่อต้องทำเว็บไซต์ขององค์กร (www.imcinstitute.com) เราก็มีคำถามว่าเราจะทำเองหรือ Outsource แต่เนื่องจากเราต้องการที่จะอัพเดทเว็บไซต์บ่อยๆเราจึงเลือกที่จะทำเองโดยใช้ Joomla แต่ปัญหาก็คือว่าเราจะหาเครื่อง Server จากไหน จะติดตั้งเองหรือไม่ สุดท้ายเรามาคิดกันว่าน่าที่จะใช้บริการ Web Hosting ที่เป็น Cloud ที่ให้บริการแบบ PaaS เราก็เลยเลือกใช้ Hostmonster ที่มีเว็บไซต์โอสต์อยู่เป็นล้านไซต์ และก็ใช้ Cloud Infrastructure ที่มีความเสถียร และสามารถจะเลือก install โมดูลต่างๆได้รวดเร็ว แต่บางครั้งเราอาจจะยังแยกยากระหว่าง Web Hosting กับ Cloud Infrastructure ทำให้หลายๆคนเข้าใจไปว่า Web Hosting ทุกแห่งคือ Cloud Service
ระบบอีเมล์
ในแง่ของอีเมล์ค่อนข้างจะตัดสินใจง่าย เพราะยังไงเสียระบบอีเมล์ในปัจจุบันก็ต้องใช้ Cloud SaaS ซึ่งทางเราเลือกใช้บริการ Google Apps for Business ที่มีทั้งระบบเมล์ Calendar การทำเอกสารร่วมกันผ่าน Google Docs ทำให้สะดวกต่อการทำงานแบบร่วมกัน และสามารถเข้าถึงระบบได้ตลอดเวลา จากทุกที่ และทุกอุปกรณ์ โดยมีค่าใช้จ่ายตามจำนวนผู้ใช้งาน และองค์กรก็ไม่ต้องเสียเวลามาบริหารระบบไอทีเอง
ระบบบริหารงานลูกค้า
เราจำเป็นที่จะต้องพัฒนา Application ระบบ CRM ของลูกค้า โดยเฉพาะระบบบริหารงานการฝึกอบรม ในตอนแรกก็ลังเลว่าจะใช้ Salesforce ที่เป็น SaaS Cloud ซึ่งมีค่าใช้จ่ายประมาณ $25/ผู้ใช้/เดือน หรือไม่ แต่เมื่อมาดูระบบ CRM ของ Salesforce แล้วคิดว่าเหมาะกับงานขายทั่วไปมากกว่า เราจึงเลือกใช้ Force.com ซึ่งเป็น PaaS Cloud ที่เป็น Salesforce Engine มาพัฒนาโปรแกรมเอง โดยมีค่าใช้จ่ายต่อเดือนใก้ลเคียง แต่เราสามารถที่จะปรับปรุง Application ขององค์กรได้ ซึ่งเราใช้เวลาเพียงหนึ่งสัปดาห์ในการพัฒนาระบบ CRM ใหม่ขึ้นมาเนื่องจาก Force.com มีโมดูลต่างๆที่ดีอยู่แล้ว ทำให้เราได้ Application ที่สามารถบริหารการฝึกอบรมได้อย่างรวดเร็ว โดยเรามีฐานข้อมูลของลูกค้าหลายหมื่นราย
การแชร์ไฟล์ภายใน
องค์กรจำเป็นต้องมีแชร์ storage ที่สามารถจะ sync ได้ทุกอุปกรณ์ ในที่นี้องค์กรเลือกที่จะใช้ Dropbox ที่เป็น SaaS Cloud ในการแชร์เอกสารต่างๆ และพยายามลดการส่ง ไฟล์ขนาดใหญ่ทางอีเมล์ Dropbox ที่เป็น Free Edition จะมีข้อจำกัดอยู่ที่การให้พื้นที่เพียง 2 Gb หน่วยงานที่ต้องการพื้นที่มากๆอาจต้องพิจารณาเลือกใช้ Dropbox Pro หรือ Dropbox for Business ซึ่งมีค่าใช้จ่ายพอสมควร
การแชร์เอกสารภายนอก
IMC Institute มีเอกสารที่เป็น slide และเอกสารทั่วไปที่จะแชร์ให้กับบุคคลภายนอก ในกรณีนี้ทางเราเลือกที่จะใช้ Slideshare โดยในปัจจุบันเราจะ Upload เอกสารต่างๆขึ้น Slideshare ที่จัดว่าเป็น SaaS แบบหนึ่ง โดยทางเราเลือกใช้เวอร์ชั่น Pro เพื่อที่จะทราบข้อมูลของผู้ที่ download slide เราไปด้วย นอกจากนี้ก็การแชร์เอกสารผ่าน Google Docs โดยเฉพาะเอกสารการฝึกอบรมต่างๆ
การพัฒนา Applications
ทาง IMC Institute มีการพัฒนา Application เพื่อวิเคราะห์ Big Data ที่อยู่บน Social Media เช่น Facebook Analytic ในกรณีนี้ทางเราไม่ได้จัดหา Server เองเพราะต้องใช้ Server ขนาดใหญ่เราจึงเลือกใช้ IaaS และ PaaS Cloud
ในส่วนของ IaaS การพัฒนา Big Data เราเลือกใช้ Cloud ของ Amazon ทั้ง Amazon EC2, S3 และ Elastic Map Reduce ส่วนในกรณี PasS ที่ใช้พัฒนา Java Application เราเลือกใช้บริการของ Heroku
ที่กล่าวมาทั้งหมดนี้ก็เพียงให้ทุกท่านเห็นภาพว่าเราสามารถใช้ Cloud Computing ได้จริง โดยไม่ต้องลงทุนในการจัดหาระบบมากนัก และเสียค่าใช้จ่ายตามการใช้งานจริงเป็นรายเดือน
Veery good post. I am just experiencing some among thes issues as well..