การพิจารณาเลือกใช้ IaaS (Infrastructure as a Service) จากผู้ให้บริการ Cloud รายต่างๆทั้งในและต่างประเทศ มีความแตกต่างจากการจัดหาระบบฮาร์ดแวร์มาเอง ต่างกับการเลือกหา Sever Hosting ไม่ใช่แค่การพิจารณาเรื่องราคา เพราะระบบ Cloud ไม่ใช่การทำ Hosting หรือการหา Co-location บน Data Center จุดเด่นของ Cloud ไม่ใช่อยู่ที่จะเรื่องงบประมาณแต่อยู่ที่ความยืดหยุ่น ความคล่องตัวของการใช้บริการ และ การขยายระบบขนาดใหญ่ได้
ผมเคยเขียนบทความลงในบล็อกนี้ครั้งหนึ่งเรื่อง ปัจจัยในการเลือกใช้ Cloud Computing สำหรับองค์กร มาในวันนี้อยากจะมาขยายความสำหรับปัจจัยที่สำคัญในการเลือกใช้บริการ IaaS โดยมีข้อแนะนำดังนี้
- ผู้ให้บริการต้องมี Service Catalog ทีดี: การใช้ IaaS/PaaS Cloud จะมีบริการที่หลากหลาย ไม่ใข่แค่การใช้ Virtaul Server อาจมีทั้ง Storage, Database, Load Balancer หรือระบบอื่นๆ ผู้ให้บริการต้องมี Catalog ที่จะระบุประเภทของการบริการ ราคาในรูปแบบต่างๆ
- ผู้ให้บริการควรมี Market Place: การใช้บริการ Cloud อาจต้องมีการติดตั้ง Middleware หรือ Software อื่นๆลงบน Server ผู้ให้บริการ Cloud ที่ดีจะต้องมี Marketplace ที่ให้ลูกค้าเลือกซอฟต์แวร์ในการติดตั้งมาพร้อมกับค่าใช้งานที่เป็นลักษณะ pay per use คล้ายๆกับการซื้อซอฟต์แวร์จาก Apple App Store คังตัวอย่างที่แสดงในรูปที่ 1 ซึ่งเป็นตัวอย่างการเลือกใช้ SAP HANA จาก AWS Marketplace
รูปที่ 1 ตัวอย่างของ Cloud Marketplace
- ความสามารถในการทำ Self Provision: จุดเด่นของระบบ Cloud คือความยิดหยุ่น ผู้ให้บริการต้องให้ผู้ใช้สามารถจะเพิ่มหรือลดจำนวนบริการต่างๆอาทิเช่น Virtual Server ได้ด้วยความรวดเร็ว ผมเองในบางวันทำการอบรมให้กับ IMC Institute ต้องเพิ่ม Server ขึ้นมาถึง 40-90 เครื่อง และต้องปิดการใช้บริการในตอนเย็นด้วยความรวดเร็ว
รูปที่ 2 ตัวอย่างของการ Provision Server จำนวนมากภายในเวลารวดเร็ว
- ความสามารถในการรองรับการขยายตัวของลูกค้า: ระบบ Cloud Computing จะมีความต้องการที่ยืดหยุ่นเหมือนการใช้ไฟฟ้าหรือน้ำประปา ผู้ให้บริการจะต้องมีการทำ Capacity Planning ที่ดีและอาจต้องมีเครื่อง Server นับพันหรือหมื่นเครื่อง (บางทีอาจหลายแสนเครื่อง) ที่รองรับการใช้งานของผู้ใช้จำนวนมากได้ หากวางแผนไม่ดีผู้ใช้ก็ไม่สามารถจะเพิ่มเครื่อง Virtual Server หรือบริการต่างๆเมื่อมีความจำเป็นได้
- ความสามารถในการทำ Auto-scaling หรือ Vertical Scaling: จุดเด่นของระบบ Cloud คือสามารถที่จะมีระบบรองรับเมื่อเกิด Peak Load หรือที่เรียกว่า Cloud Burst ได้ ผู้ให้บริการต้องมีระบบที่ให้ลูกค้าสามารถทำ Migration ที่สามารถเปลี่ยนขนาดของเครื่องด้วยความรวดเร็ว (Vertical Scaling) หรือสามารถทำ Auto Scaling ที่จะเพิ่มเครื่องได้อัตโนมัติ
- ข้อตกลงการใช้บริการ: พิจารณาเรื่อง SLA ด้านต่างๆเช่นการประกันเรื่อง Uptime, Reliability/Uptime, มาตรฐานเรื่องความปลอดภัย และข้อตกลงด้านอื่นๆ
- ข้อมูลด้านโครงสร้างพื้นฐานของผู้ให้บริการ: อาทิเช่นตำแหน่งของ Data Center, ข้อมูลด้าน Internet Bandwidth, จำนวน Server หรือจำนวนผู้ใช้ในปัจจุบัน อันจะมีผลต่อประสิทธิภาพของการให้บริการ รวมถึงเรื่องของ Latency
- จำนวนลูกค้าและความน่าเชื่อถือของผู้ให้บริการ: จำนวนลูกค้าและความน่าเชื่อถือของผู้ให้บริการก็มีความสำคัญ เพราะการให้บริการ Cloud คือการบริการระยะยาวที่ผู้ให้บริการต้องลงทุนค่อนข้างสูงและผลตอบแทนจะไม่ได้มาโดยเร็ว
ปัจจัยต่างๆที่กล่าวมาจะมีผลสำคัญยิ่งต่อการเลือกผู้ให้บริการ Cloud ทั้งนี้จะเห็นได้ว่าปัจจัยเรื่องราคาไม่ใช่เรื่องสำคัญสุด แต่ผู้ใช้ควรพิจารณาปัจจัยอื่นๆประกอบ
ธนชาติ นุ่มนนท์
IMC Institute